ความสะดวกที่ไม่ค่อยสบาย ชาร์จแบตมือถือบนรถ เสี่ยงแบตเตอรี่รถเสื่อมหรือไม่

ซื้อประกันรถยนต์

ต้องยอมรับว่าโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปโดยปริยายเสียแล้ว ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ไม่ว่าจะทำสิ่งใดย่อมต้องมีโทรศัพท์มือถือเข้ามาเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แบตมือถือของคุณจะหมดไปอย่างรวดเร็ว ต้องหาที่ชาร์จแบตติดกระเป๋าไว้ตลอดวัน นอกจากแบตเตอรี่สำรองที่ผู้คนนิยมใช้กัน การชาร์จแบตมือถือบนรถก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ยิ่งรถรุ่นใหม่หลาย ๆ รุ่นในปัจจุบันถูกพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือให้ใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้มีการขับขี่บนพื้นฐานของดความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการชาร์จแบตมือถือบนรถนั้น มีข้อเสียหลายประการที่คุณอาจคาดไม่ถึง ต่อให้ซื้อประกันรถยนต์เอาไว้ก็มักไม่ได้รับความคุ้มครองถึงกรณีนี้อีกด้วย

ชาร์จแบตมือถือบนรถ เสี่ยงแบตเสื่อมจริงหรือ?

คำตอบของข้อคำถามนี้คือ “จริง” ทั้งแบตมือถือ และแบตเตอรี่รถยนต์ แต่ไม่ใช่กับทุกกรณี จะเป็นเพียงในกรณีที่ชาร์จไม่ถูกวิธี ซึ่งแน่นอนว่าอะไรที่ผิดมักส่งผลเสียตามมาอยู่เสมอในทุก ๆ เรื่อง ไม่เว้นแม่แต่เรื่องการชาร์จแบต ส่วนการชาร์จแบบผิด ๆ นี้จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันต่อได้เลย

1. ใช้สายชาร์จปลอม หรือสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน สังเกตง่าย ๆ เวลาชาร์จจะมีข้อความขึ้นเตือนที่หน้าจอว่า “This accessory may not be supported” ในกรณีมือถือระบบปฏิบัติการ iOS หรือข้อความที่ความหมายใกล้เคียงของมือถือระบบปฏิบัติการอื่น ซึ่งคุณควรเปลี่ยนเป็นใช้สายของแท้ เพื่อให้สายชาร์จจ่ายกระแสไฟที่เสถียรเข้าสู่แบตมือถือของคุณ และไม่ทำร้ายแบตเตอรี่รถอีกด้วย

2. ต้องชาร์จไฟกับที่จุดบุหรี่เท่านั้น ดังนั้นจึงควรหาอุปกรณ์เสริมสำหรับชาร์จแบตมือถือภายในรถที่ใช้จุดเชื่อมต่อกระแสไฟจากที่จุดบุหรี่ จะส่งผลดีต่อมือถือและแบตเตอรี่รถของคุณมากที่สุด

3. อุปกรณ์เสริมสำหรับชาร์จแบตมือถือภายในรถต้องใช้แบบที่ได้มาตรฐานเท่านั้น อย่าเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาประหยัด เพราะส่วนมากอุปกรณ์เหล่านี้มักเป็นสาเหตุของความเสียหายอย่างไฟฟ้าลัดวงจร หรือจ่ายไฟไม่เสถียร จนทั้งมือถือ ทั้งรถ พังไปตาม ๆ กัน

4. ห้ามชาร์จแบตมือถือทิ้งไว้ในตอนที่จะสตาร์ทรถหรือจะดับเครื่อง เพราะกระแสไฟภายในรถจะกระชาก ทำให้มือถืออาจได้รับความเสียหาย

5. ไม่ควรชาร์จแบตมือถือบนรถพร้อมกันหลาย ๆ เครื่อง เพราะนอกจากจะทำให้มือถือพังจากกระแสไฟที่ไม่เสถียรแล้ว ยังเป็นการเร่งให้แบตเตอรี่รถเสื่อมเร็วขึ้น จากการใช้งานที่เกินกว่าประสิทธิภาพที่แบตเตอรี่รถจะรับไหว ดีไม่ดีอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนรถเกิดไฟไหม้ ซึ่งหากคุณซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 2+ ไว้สามารถเคลมกรณีรถไฟไหม้นี้ได้อย่างไม่ต้องกังวล แต่ทางที่ดีควรชาร์จแบตมือถือจากแบตรถแค่ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เพื่อถนอมแบตเตอรี่ของทั้งสองอุปกรณ์ให้ใช้ได้นานเต็มอายุการใช้งานที่แท้จริง

ได้คำตอบกันไปแล้วว่าทั้งแบตมือถือและแบตเตอรี่รถยนต์จะเสื่อมและพังแบบแพ็กคู่ หากคุณชาร์จอย่างผิดวิธี และถึงแม้ว่ากรณีแบตเตอรี่รถเสื่อมจะไม่ได้มีในความคุ้มครองจากการซื้อประกันรถยนต์ แต่ตัวแบตเตอรี่เองนั้นมีการรับประกันอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนมากระยะเวลาการรับประกันจะไม่น้อยกว่า 1 – 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละยี่ห้อ ทางที่ดีถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็อย่าเสี่ยงชาร์จแบตมือถือบนรถเลยดีกว่า เพื่อถนอมมือถือและรถโปรดให้อยู่คู่กับคุณต่อไปอีกนาน ๆ